รับจดทะเบียนบริษัท พระนครศรีอยุธยา

ในการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทต้องมีผู้เริ่มก่อการอย่างน้อย 2 คนโดยต้องถือหุ้นอย่างน้อยคนละ 1 หุ้นคำแนะนำในกรณีที่ลูกค้าต้องการจัดตั้งบริษัท แต่ไม่มีบุคคลอื่นมาร่วมลงทุนถือหุ้นในบริษัท ก็สามารถใช้บุคคลในครอบครัวมาถือหุ้นบริษัทอีก 1 ท่าน ท่านละ 1 หุ้นเพื่อให้ครบ 2 คนก็ได้ค่ะ

ชื่อที่ใช้ในการจองชื่อบริษัทจะเป็นผู้ถือหุ้น หรือกรรมการก็ได้ แต่ทั้งนี้บุคคลนั้นต้องเป็นผู้ลงนามในใบอนุมัติจองชื่อดังกล่าว

ผู้ก่อการจะต้องมีอายุ 12 ปีขึ้นไปและกรรมการบริษัทควรจะบรรลุนิติภาวะแล้วโดยมีอายุ 20 ปีขึ้นไป

ไม่ว่าจะทุนจดทะเบียนที่เท่าใด ค่าธรรมเนียมรัฐบาลรวมค่าอากร ค่าคัดหนังสือรับรองบริษัทรวมทั้งชุดเอกสารที่จดทะเบียนจะอยู่ที่อัตราเดียวกันคือ 6,360 บาทค่ะ

กรรมการบริษัทต้องมีอย่างน้อย 1 คน โดยกรรมการจะเป็นผู้ถือหุ้นหรือไม่ก็ได้

ต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% โดยคนไทยต้องถือหุ้นอย่างน้อย 51% ทั้งนี้ตอนจดทะเบียนจัดตั้ง
ในกรณีที่มีชาวต่างชาติถือหุ้น ผู้ถือหุ้นคนไทยจะต้องโชว์บัญชีเงินฝากธนาคาร ตามสัดส่วนที่ผู้ถือหุ้นคนไทยถือหุ้นอยู่ ถึงแม้ชาวต่างชาติจะถือแค่เพียง
1 หุ้น ผู้ถือหุ้นคนไทยทุกคนก็ต้องโชว์บัญชีเงินฝากธนาคารแก่เจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ผู้ถือหุ้นของบริษัทที่จะจัดตั้งสามารถเป็นบริษัทได้ แต่ทั้งนี้ต้องมีผู้ก่อการที่เป็นบุคคลอย่างน้อย 3 คน

การจดทะเบียนจัดตั้งบริษั่ทสามารถจดที่ส่วนกลางคือกรุงเทพมหานครได้ ไม่ว่าบริษัทนั้นจะตั้งอยู่ที่จังหวัดใด แต่ถ้ามีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงจะต้องไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงแก้ไข ณ จังหวัดที่บริษัทนั้นตั้งอยู่

การจดทะเบียนบริษัทจำกัด จะมีตราประทับหรือไม่มีก็ได้ โดยตราประทับจะมีเพียงสัญลักษณ์ หรือชื่อของบริษัทเพียงอย่างเดียวก็ได้ หรือมีทั้งสองอย่างก็ได้ แต่ในกรณีถ้ามีชื่อบริษัทต้องเป็นชื่อที่ถูกต้องตามที่ได้รับการอนุมัติจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและตรงกับชื่อที่ขอจดทะเบียนนิติบุคคล โดยต้องมีคำขึ้นต้นและคำต่อท้ายโดยในกรณีชื่อภาษาไทย ต้องขึ้นต้นด้วยคำว่า “บริษัท” และต่อท้ายด้วย คำว่า “จำกัด” ในกรณีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ต้องลงท้ายด้วยคำว่า “Company Limited หรือ Co.,Ltd.”

บริษัทจำกัด ตามกฎหมายกำหนดมูลค่าหุ้นไม่น้อยกว่ากว่าหุ้นละ 5 บาท และต้องมีผู้ก่อการ/ผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 3 คน ฉะนั้นทุนจดทะเบียนขั้นต่ำสุดของบริษัท คือ 15 บาท ก็สามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทได้แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุนจดทะเบียนก็คือทุนที่เราใช้ประกอบธุรกิจที่เราจัดตั้งขึ้นมา ลูกค้าควรจะประเมินว่าในการทำธุรกิจนี้ควรใช้ทุนเท่าไร จึงกำหนดเป็นทุนจดทะเบียน โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการความน่าเชื่อถือ จึงจัดตั้งบริษัทที่
ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท

ต้องชำระทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 25% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด

ในตอนจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้านั้น ถ้าผู้ถือหุ้นเป็นคนไทยทั้งหมด และทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะไม่เรียกดูยอดเงินที่ต้องชำระทุน แต่เมื่อจัดตั้งบริษัทแล้ว ต้องไปเปิดบัญชีธนาคารของบริษัทและนำเงินทุนจดทะเบียนฝากเข้าบัญชี โดยเงินที่นำมาชำระทุนดังกล่าว สามารถเบิกถอนมาเป็นค่าใช้จ่ายของกิจการได้ เช่น ค่าเช่า ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ซื้อสินค้ามาจำหน่าย เป็นต้น ทั้งนี้ตอนปิดรอบบัญชีของกิจการ ซึ่งกฏหมายกำหนดไว้ว่าต้องปิดบัญชีภายใน 12 เดือนนับจากจดจัดตั้งบริษัท บัญชีธนาคารของกิจการจะต้องแสดงการชำระทุนโดยการนำเงินเข้าบัญชีของกิจการอย่างน้อย 25% ในกรณีที่จดทะเบียนชำระทุนเป็น 25% ยกตัวอย่างเช่น ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ต้องมีเงินนำเข้าบัญชีของกิจการ 250,000 บาท

เมื่อลูกค้าจัดตั้งบริษัทใหม่ กฏหมายไม่ได้บังคับให้จดภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) เลยทันที แต่เมื่อใดที่รายได้ของลูกค้าถึง 1.8 ล้านบาท กฏหมายบังคับให้ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ทันที โดยต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีรายรับเกิน 1.8 ล้านบาท ในกรณีที่ผู้ประกอบการมีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาท และยังไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนที่เกิน 1.8 ล้านบาท พร้อมทั้งเบี้ยปรับเงินเพิ่มให้แก่สรรพากร จนกว่าจะมีการดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

สามารถใช้สถานที่ตั้งเป็นคอนโดจดทะเบียนบริษัทกับทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ แต่ไม่สามารถใช้สถานที่ตั้งเป็นคอนโดจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับทางสรรพากรได้ ดังนั้นถ้าจดทะเบียนบริษัทไปแล้วต้องการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องไปดำเนินการจดเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งย้ายไปที่อื่นที่ไม่ใช่คอนโดก่อน จึงจะสามารถจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ได้

ยังไม่ต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคม เมื่อมีลูกจ้างคนแรกจึงไปดำเนินการขึ้นทะเบียนนายจ้าง ทั้งนี้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีลูกจ้างรายแรก